maslak escort tuzla escort sex shop sex shop ">

สาระน่ารู้

โบท็อกซ์

โบท็อกซ์

ความงาม
โบท็อกซ์…สารลดริ้วรอยที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก
 สารโบท็อกซ์ หรือชื่อเต็มทางการแพทย์คือ สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน จัดเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดยกลไกการทำงานของสารนี้จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับยาขยับน้อยลงและคลายตัวออก ดังนั้น รอยย่นที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยที่หางตาจะค่อยๆ หายไป สารตัวนี้ออกฤทธิ์โดยตรงที่กล้ามเนื้อ ส่วนวิธีการที่จะได้รับยาคือการฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อ หากใช้วิธีการทายาจะทำให้สารไม่สามารถซึมลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อได้ ภายหลังการฉีดโบท็อกซ์พบว่ากล้ามเนื้อจะค่อยๆคลายตัวใน 2 สัปดาห์ ริ้วรอยจะค่อยๆลดลง โดยจะเริ่มเห็นผลการรักษาได้ที่ 1 สัปดาห์ภายหลังการฉีด
บางคนอาจกังวลว่า จะทำให้เกิดก้อนสะสมขึ้นได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดเนื่องจากยาตัวนี้จะซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อและออกฤทธิ์ ดังนั้น ยาจะไม่ไปทำให้เกิดก้อนใต้ผิวแต่อย่างใด ตัวยาจะค่อยๆสลายไปเองใน 4 เดือน นอกจากการใช้โบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังสามารถใช้ลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกรามทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นได้อีกด้วย
 
การฉีดสารโบท็อกซ์ ไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ การรักษาส่วนมากจะใช้เวลา 5-20 นาที ในรายที่กลัวความเจ็บ แพทย์อาจใช้ยาชาชนิดทา ทาก่อนเริ่มทำการรักษาประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้ป่วยส่วนมากจะกลับไปทำงานต่อได้ทันที การฉีดโบท็อกซ์อาจเกิดผลข้างเคียงได้ หากยากระจายไปยังกล้ามเนื้อมัดที่ไม่ต้องการ ดังนั้นจึงควรงดนวดหน้าภายหลังการฉีดและควรหลีกเลี่ยงการนอนราบภายหลังฉีด 4 ชั่วโมง ข้อสำคัญคือ ควรเลือกสถานที่ฉีดที่ไว้ใจได้ เพื่อป้องกันโบท็อกซ์ปลอม รวมทั้งโบท็อกซ์ที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา 
สารโบท็อกซ์ได้ถูกนำมาใช้ในทางผิวหนังเกือบ 30 ปีแล้ว และเป็นสารที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัยหากใช้ตามข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม ข้อมูลจาก American Society of Plastic Surgeons พบว่า จำนวนผู้ที่เข้ามารับบริการการรักษาด้วยโบท็อกซ์มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย โดยโบท็อกซ์จัดเป็นหัตถการชนิด Non-invasive ที่นิยมมากที่สุดในชาวอเมริกันในปี ค.ศ.2011 (ดังรูป) สิ่งที่สำคัญคือผู้ที่รับการฉีดควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา ควรรับทราบผลการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยเพื่อที่จะได้มีข้อปฏิบัติตัวที่ดีทั้งก่อนและหลังทำการรักษา