mecidiyekoy escort ">

สาระน่ารู้

รู้ทันแดด

รู้ทันแดด

คุณทราบหรือไม่ว่า?

รู้ทันแดด ไม่แน่ใจว่าควรแยกกับการเลือกใช้สารกันแดดดีหรือเปล่า ในชีวิตประจำวันแสงแดดที่ส่องมาจากดวงอาทิตย์นั้น สามารถแบ่งคร่าวๆ ตามความยาวคลื่นได้เป็น 2 ชนิด คือ แสงที่ตาเรามองเห็น (Visible light) และแสงที่ตาเรามองไม่เห็น (Non-visible light) แสงที่ตาเรามองเห็นที่ยกตัวอย่างง่ายๆคือ แสงรุ้งที่เราเห็นหลังฝนตก  ส่วนอีกกลุ่มคือแสงที่ตาเรามองไม่เห็น เช่น คลื่นรังสีเอ็กซ์ (X-rays), คลื่นวิทยุ (Radiowave), คลื่นอินฟราเรด (Infrared), และคลื่นอัลตราไวโอเล็ต (Ultraviolet) ในบรรดาคลื่นแสงเหล่านี้ อัลตราไวโอเล็ตจะเป็นคลื่นที่มีพลังงานสูงที่สุดที่ตกลงมาสู่พื้นดิน ดังนั้นจึงมีการศึกษาผลของคลื่นอัลตราไวโอเล็ตมากที่สุด  คลื่นอัลตราไวโอเลตหรือยูวี สามารถแบ่งออกได้เป็น ยูวีเอ บี และซี โดยยูวีซีจะถูกกรองออกโดยชั้นโอโซน จึงไม่ตกลงมาถึงพื้นโลก ส่วนยูวีเอ เป็นคลื่นที่มีปริมาณคงที่ตลอดวัน ไม่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ยูวีเอเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดความชรา ริ้วรอย สีผิวไม่สม่ำเสมอ ในขณะที่ยูวีบี เป็นคลื่นที่มีมากช่วง 9 น ถึง 16 น และมีปริมาณมากช่วงฤดูร้อน ยูวีบีจะทำให้ผิวไหม้ แดง และ ดำ ในระยะยาวอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้การป้องกันแดด ควรใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น

 
1. การหลีกเลี่ยงแดด โดยเฉพาะช่วงเวลา 9น -16 น ซึ่งเป็นช่วงที่มียูวีบีมาก ในวันที่มีเมฆมากไม่ได้หมายความว่าผิวจะไมได้รับแสงยูวี เนื่องจากยูวีสามารถผ่านเมฆลงมาได้ เมฆจะเป็นตัวกรองอินฟราเรดออกซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดความร้อน ดังนั้นในวันที่เมฆมากหากเราไปเดินกลางถนน จะไม่รู้สึกร้อน แต่ผิวก็ยังได้รับยูวีอยู่ดี บางรายคิดว่าการอยู่ในอาคารจะปลอดภัยจากแดด แต่ความจริงแล้วยูวีเอสามารถทะลุผ่านกระจกได้ นอกจากนี้การไปเที่ยวทะเล แม้จะไม่ได้เล่นน้ำทะเลและอยู่ใต้ต้นไม้ริมทะเล ก็อาจได้รับยูวีเช่นกัน เนื่องจาก ทราย และน้ำที่เป็นคลื่น จะทำให้เกิดการหักเหและสะท้อนของยูวีได้มากกว่าพื้นเรียบและน้ำนิ่ง 
 
2. การใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ร่ม หมวก เสื้อผ้า แว่นตา ถุงมือ ฟิล์มกรองแสง สามารถป้องกันแดดได้หากเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม ร่มที่กันแดดได้ดีที่สุดคือร่มสีเงินหรือสีตะกั่ว เพราะจะทำให้เกิดการสะท้อนแสงออกไปได้มาก หมวกที่ดีควรเป็นหมวกปีกกว้างและเนื้อแน่น  สำหรับเสื้อผ้า ผ้าที่เนื้อหนา น้ำหนักมาก และทอแน่นจะกันแดดได้ดีกว่าผ้าบางและเป็นใยถัก ผ้าฝ้ายจะกันแดดได้ดีกว่าผ้าสังเคราห์ ผ้าสีเข้มจะกันแดดได้ดีกว่าผ้าสีอ่อน เสื้อผ้าที่หลวมจะกันแดดได้ดีกว่าเสื้อผ้าที่แนบเนื้อ ผ้าที่แห้งจะกันแดดได้ดีกว่าผ้าที่เปียก จำนวนครั้งของการซักผ้าก็มีผลกับความสามารถในการกันแดดเช่นกัน ผ้าที่ซักไปหลายครั้งจะทำให้ใยผ้าหดตัวทำให้ความสามารถในการกันแดดดีกว่าผ้าที่ยังไม่เคยผ่านการซัก
 
3. การใช้สารกันแดด เนื่องจากรังสียูวีมีทั้งเอและบีที่ทำให้เกิดผลต่อร่างกาย ดังนั้นผลิตภัณฑ์กันแดดที่ดีควรมีสารกันแดดที่สามารถกันได้ทั้งยูวีเอ และยูวีบี หลายท่านคงเคยได้ยินคำว่า SPF ซึ่งย่อมาจาก Sun Protection Factor ซึ่งเป็นตัวบอกความสามารถในการป้องกันผิวไหม้แดงจากยูวีบี หากค่า SPF ของผลิตภัณฑ์กันแดดยี่ห้อ A มีค่าเท่ากับ 2 หมายความว่า การทาผลิตภัณฑ์ A จะป้องกันผิวไหม้แดงได้นานกว่าการที่ไม่ทาอะไรเลยนาน 2 เท่า  (เช่น หากไม่ทาอะไรเลย ผิวของนาย ก จะเริ่มไหม้แดงที่ 1 ชั่วโมง แต่หากทาผลิตภัณฑ์ A ที่มี SPF =2 จะทำให้ผิวเริ่มไหม้แดงที่ 2 ชั่วโมง) ดังนั้นในทางทฤษฎี ผลิตภัณฑ์ที่มี SPF 15 จะเพียงพอสำหรับการป้องกันผิวไหม้แดดได้ทั้งวัน อย่างไรก็ตาม ในการทดสอบค่า SPF ทางผู้ผลิตจะให้ผู้ใช้ทาผลิตภัณฑ์กันแดด แล้วทดสอบผิวหนังโดยการฉายหลอดไฟที่ผิวหนัง หลอดไฟที่ใช้ทดสอบจะทำเลียนแบบแสงอาทิตย์ ซึ่งมีหลายชนิดด้วยกัน แต่ในทางปฏิบัติเราพบว่า ผลิตภัณฑ์สองยี่ห้อ ที่โฆษณาว่า SPF เท่ากัน เวลาทดสอบจริงกับแสงอาทิตย์ อาจได้ค่า SPF ไม่เท่ากันก็ได้ เนื่องจากผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อ อาจใช้หลอดไฟทดสอบที่แตกต่างกัน นอกจานี้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่โฆษณาว่า SPF 15 เมื่อมาทดสอบจริงๆกับแสงอาทิตย์ จะมี SPF เท่ากับ 7-8 เท่านั้น เนื่องจากหลอดไฟที่ใช้ทดสอบไม่แรงพอเท่าแสงอาทิตย์จริง ดังนั้นจึงแนะนำว่าควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ไม่ต่ำกว่า 30 สำหรับระบบที่ใช้วัดความสามารถในการป้องกันยูวีเอ จะมีหลายระบบ แต่ที่นิยมใช้คือระบบ พีเอ (PA) ซึ่งแบ่งได้เป็นสามระดับคือ (+), (++), (+++) โดยแนะนำให้เลือกใช้ PA (++) หรือ PA (+++) ซึ่งสามารถป้องกันยูวีเอได้เพียงพอ สำหรับชนิดของสารกันแดด ควรเลือกชนิดที่ไม่สลายง่ายเมื่อโดนแสง (Photostable) เนื่องจากสารบางชนิดเมื่อโดนแสงแล้วโมเลกุลจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสารที่มีฤทธิ์ไม่สลายง่ายมักจะมีราคาแพง ควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ทนน้ำ (Waterproof หรือ Water resistant) เพราะเมื่อเหงื่อออกมากหรือไปว่ายน้ำสารกันแดดจะถูกชะออก ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดสิวอุดตัน (Non comedogenic) ไม่ทำให้เกิดการแพ้และการระคาย (Hypoallergenic) สำหรับวิธีทาผลิตภัณฑ์กันแดดควรทาก่อนออกแดด 15-30 นาทีเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้ซึมเข้าสู่ผิว และควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงในกรณีที่แดดจัดหรือในกรณีที่ต้องไปสัมผัสน้ำ